วันที่ 14 สิงหาคม 2567 นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการทักษะฝีมือแรงงาน ภายใต้โครงการจัดตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานไทย - กัมพูชา (ปูนพนม) มีนายวัฒนวิทย์ คชเสนี อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กล่าวต้อนรับ และผู้อำนวยการหน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมพิธีเปิด ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 1 สมุทรปราการ โดยนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า การจัดฝึกอบรมพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้แก่ครูฝึกจากกัมพูชาในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการจัดตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานไทย - กัมพูชา (ปูนพนม) ซึ่งในครั้งนี้ ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 14 - 26 สิงหาคม 2567 รวม 12 วัน แบ่งการฝึกเป็น 2 ส่วน คือ การฝึกอบรมหัวข้อเทคนิคการสอน และการฝึกอบรมหลักสูตรวิทยากรต้นแบบ ผู้เข้าฝึกอบรมเป็นครูฝึกจากกัมพูชาทั้งหมด 19 คน ใน 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาช่างไฟฟ้า 10 คน สาขาช่างยานยนต์ 4 คน และสาขาช่างเครื่องปรับอากาศ 5 คน

          นางสาวบุปผา กล่าวต่อว่า หลังจากฝึกอบรมใน 2 ส่วนเรียบร้อยแล้ว จะมีการศึกษาดูงานเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ ณ สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) และ DENSO Training Academy (Thailand) จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะทางของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสถานประกอบกิจการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่ครูฝึกของกัมพูชา ให้มีความรู้ในสาขาช่างอุตสาหกรรมมูลฐาน ประกอบด้วย ช่างยนต์ ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ช่างก่อสร้าง ช่างเชื่อม ช่างไฟฟ้า ช่างเครื่องทำความเย็น รวมทั้งอาชีพที่มิใช่ช่าง อาทิ งานบริการต่าง ๆ เพื่อให้ครูฝึกชาวกัมพูชา ที่สำเร็จการฝึกอบรมแล้วจะสามารถนำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้จากการฝึกอบรมฯ ไปถ่ายทอดให้ประชาชนและนักเรียนชาวกัมพูชาให้มีความพร้อมและมีพื้นฐานในการทำงาน สร้างรายได้และสร้างอาชีพเป็นกำลังหลักให้กับครอบครัวและประเทศชาติต่อไป

          “การพัฒนาทักษะให้แก่แรงงานเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา เมียนมา และลาว จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบกิจการของไทยที่มีการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน จะมีแรงงานที่มีทักษะที่สูงขึ้น ส่งเสริมให้การประกอบกิจการในประเทศเพื่อนบ้านมีความมั่นคงและมีแรงงานคุณภาพเข้าสู่ระบบการจ้างงานมากขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มความเข้มแข็ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย และเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย” อธิบดีกล่าวในท้ายสุด