จากคำถามในวัยเยาว์ สู่เส้นทางสายความยุติธรรมที่เป็นแรงผลักดันให้ “ปาริชาต ศิริวรรณ์” ได้ก้าวเข้ามาสู่การเป็นนักนิติวิทยาศาสตร์หญิงของกลุ่มตรวจสถานที่เกิดเหตุ กองปฏิบัติการพิเศษ (ส่วนกลาง) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยเริ่มต้นจากคำถามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังในวัยเยาว์ที่ว่า “ความจริงมันมีหน้าตาแบบไหน?” จากความอยากรู้ในสัจธรรมนี้ ผลักดันให้เธอตัดสินใจเลือกศึกษาในสาขาวิชาอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยยึดมั่นในหลักการที่ว่า “แม้เหยื่อจะพูดไม่ได้แล้ว แต่หลักฐานจะพูดแทนได้เสมอ” ซึ่งเธอเลือกเดินบนเส้นทางสายความยุติธรรมที่ต้องเข้าไป “ฟังเสียงเงียบๆ” ของวัตถุพยานในทุกที่เกิดเหตุเพื่อรักษาสิ่งที่เธอเรียกว่า “ความจริง” ไว้ให้ได้
หน้าที่แนวหน้า: รักษาสัจธรรมในที่เกิดเหตุ
ปาริชาต เล่าว่า ในฐานะนักนิติวิทยาศาสตร์ที่ทำงานใน กลุ่มตรวจสถานที่เกิดเหตุ เธอคือทีมแนวหน้าที่ต้องเข้าสู่พื้นที่ทันทีหลังเกิดคดีร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นเหตุยิงกัน ฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด หน้าที่ของเธอไม่ใช่การสอบปากคำ แต่คือการ “ฟังเสียงเงียบๆ” ของหลักฐานเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นรอยเลือดที่หยดอยู่บนพื้น ปลอกกระสุน รอยเท้า หรือแม้แต่เส้นผมเล็กๆ ที่หลงเหลืออยู่ ทุกอย่างมีคุณค่า และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขความจริง พร้อมย้ำถึงความสำคัญของ Chain of Custody ซึ่งเป็นหลักการที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่รวบรวมมาจะมีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือเพียงพอที่จะนำไปใช้ในชั้นศาลได้อย่างเที่ยงตรง
จากห้องเรียนสู่สนามจริง: หัวใจที่หนักแน่นและสายตานักสังเกต
ปาริชาตบอกกับตัวเองเสมอว่า ความรู้จากห้องเรียนคือรากฐานที่ทำให้เธอทำงานได้อย่างมั่นคงในวันนี้ วิชาอาชญาวิทยา สอนให้เข้าใจ “คน” ในเบื้องหลังการก่ออาชญากรรม ขณะที่ นิติวิทยาศาสตร์ สอนให้เข้าใจ “วัตถุพยาน” และวิธีการรักษาความจริงไม่ให้ถูกกลบฝัง
“ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียนมา เราคงทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่เรียนมาช่วยให้เรามี สายตาแบบนักสังเกต มีสมาธิ และที่สำคัญคือ มี หัวใจที่หนักแน่น พอที่จะยืนอยู่ในที่ที่คนอื่นไม่อยากเข้าใกล้" ปาริชาต กล่าวถึงความท้าทายในพื้นที่ทำงานซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งที่คนทั่วไปไม่อยากเห็น
เสาหลักของความยุติธรรมในยุคแห่งข่าวลือ
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ปาริชาตมองว่างานของเธอกำลังทำหน้าที่เป็น เสาหลักของความยุติธรรม “ความจริงคือสิ่งที่เราต้องรักษาไว้ให้ได้” เพราะ “หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ ไม่มีอารมณ์ ไม่ลำเอียง ไม่ถูกกล่อมด้วยเสียงฝูงชน มันคือข้อเท็จจริงบริสุทธิ์ที่เราต้องตามหา”
ฟันเฟืองเล็กๆ ที่จะไม่ยอมให้ความจริงหายไป…
ปาริชาตไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นฮีโร่ แต่เป็นเพียง "ฟันเฟืองเล็กๆ" ที่มีผลอย่างมากในกระบวนการยุติธรรม เธอตั้งเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือการทำงานให้ดีที่สุดในทุกคดี เพื่อให้พยานหลักฐานที่รวบรวมมาสามารถนำไปสู่การตัดสินที่เที่ยงตรง
เราไม่ได้อยากเป็นคนเก่งที่สุดในวงการ แต่อยากเป็นคนที่ “ไม่ทำให้ความจริงหายไป” นอกจากนี้ เธอได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นในอนาคตว่า หากมีโอกาสเธอต้องการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นหลัง เพื่อให้พวกเขายืนอยู่บนหลักการแห่งข้อเท็จจริงได้อย่างมั่นคง เพื่อที่สังคมของเราจะได้มีผู้ที่ยังคงเชื่อในความยุติธรรมอย่างแท้จริง และคติที่เธอใช้ในการทำงานและเป็นเข็มทิศในทุกความเงียบงันของที่เกิดเหตุคือ “ความจริงไม่พูด แต่มันไม่เคยโกหก”
08 ตุลาคม 2568
ผู้ชม 32 ครั้ง