“บัวไม่รู้โรย ” คือ หนึ่งในโครงการของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับเทศบาลเมืองเดชอุดม อำเภอเดชอุดม จัดกิจกรรมดี ๆ
เพื่อผู้สูงอายุให้กลับมามีชีวิตชีวา มีบางรายป่วยจนคิดค่าตัวตาย แต่เมื่อเข้ามาอยู่ใน“โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลเมืองเดชอุดม” ชีวิตเปลี่ยนไปเลิกมีพฤติกรรมดังกล่าว ส่วนใครที่ป่วยอยู่ก็มีอาการทุเลาลงอย่าไม่น่าเชื่อ ไม่ได้มียาดีอะไรมารักษา แต่มีครู กศน.ที่มาช่วยให้ผู้สูงอายุมารวมตัวกันทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ออกกำลังกาย และใส่ชุดนักเรียนเหมือนกัน ดูแล้วประทับใจสำหรับผู้พบ
ภาพแรกที่ได้เห็นกิจกรรมที่ผู้สูงอายุทำ คือ การที่ผู้สูงอายุใส่ชุดนักเรียนมาเคารพธงชาติ มีความน่ารักสำหรับแขกที่มาเยือนใหม่ ผู้สูงอายุเหล่านี้ดูมีความสุข สดใส เสียงหัวเราะของเขาทำให้เรารู้สึกยินดีและดีใจที่ได้มีโอกาสมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ ได้เห็นกิจกรรมดี ๆ ของครู กศน. เรียกว่าดีใจแทนลูกหลานที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ของพวกเขามีความสุขทั้งหมด 130 คน ด้วยวัยประมาณ 50-96 ปี นับว่าเป็นทางออกที่ดีที่ผู้สูงอายุไม่ต้องรอคอยการกลับมาของลูกหลาน เพราะ มีเพื่อนในวัยเดียวกันมาทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุข
นายธฤติ ประสานสอน ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัดอุบลราชธานี บอกว่า สำหรับผู้สูงอายุทราบกันดีว่า สังคมใน 5-10ปี ข้างหน้าหรือแม้แต่ปัจจุบันนี้จะเป็นสังคมผู้สูงอายุ เราตระหนักดีว่า ผู้สูงอายุเป็นผู้ทรงคุณค่าที่มีความสำคัญ ขณะเดียวกันผู้สูงอายุที่ทรงคุณค่าเหล่านั้น บางส่วนบางท่านก็ได้อยู่ลำพัง 2 คนตายาย หรือบางท่านก็อาจอยู่คนเดียว ฉะนั้น กิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุเพื่อไม่ให้เหงาก็จะมีการรวมกลุ่มจัดกิจกรรม ให้เกิดการเรียนรู้ขึ้น ตนได้นำเรียนกับผู้บริหาร ครู กศน.ว่า ในส่วนจังหวัดอุบลราชธานีนั้น อยากให้เกิดกลุ่มบัวไม่รวย บัวหมายถึงอุบลราชธานี เมืองดอกบัว บัวเป็นดอกไม้งามที่มีความเบ่งบาน ถึงเวลาหนึ่งก็จะร่วงโรยไปตามกาลเวลา คนเราก็จะคล้าย ๆ กับดอกไม้หรือดอกบัวก็จะมีการ่วงโรยไป ผู้สูงอายุก็เป็นวัยที่ใกล้จะร่วงโรยแต่ถ้าผู้สูงอายุอยู่รวมกลุ่มกัน มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา เช่น การรวมกลุ่มร้องรำทำเพลงพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ เขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่มากประสบการณ์ก็จะไม่เหงาขณะเดียวกัน กศน.จะสามารถถอดบทเรียน ผู้รู้ของแต่ละส่วนแต่ละด้านก็จะนำไปสู่การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในส่วนอื่นให้มีคุณภาพต่อไป
นายอุกฤษฏ์ รินทรามี ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอเดชอุดม กล่าวเสริมว่า การเรียนการสอนของกลุ่มผู้สูงอายุจะใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 เรียนระดับประถมศึกษาให้มาพบกลุ่มผู้สูงอายุอาทิตย์ละ 1 วัน โดยใช้เวลาครึ่งวัน เน้นการทำกิจกรรมที่ทำให้ผู้สูงอายุมีความสุข โดยมีครู กศน.เป็นผู้ดึงองค์ความรู้ในแต่ละคนออกมาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้สูงอายุมีความภาคภูมิใจในตนเอง เมื่อเรียนจบก็จะได้เกียรติบัตรจากเทศบาลและวุฒิการศึกษาระดับประถมศึกษาจาก กศน.อีกด้วย
และต่อจากนี้ไป แนวโน้มผู้สูงอายุจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกว่า เป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุ มี 3 แบบ คือ ติดบ้านไม่ยอมออกไปไหน ป่วยติดเตียงและติดสังคม สำหรับแบบแรก ผู้สูงอายุที่ติดบ้านมีแนวโน้มที่จะป่วยติดเตียงและจะมีอายุสั้น ทาง กศน.จึงหากิจกรรมเพื่อให้ผู้สูงอายุที่ป่วยติดบ้านออกมารับรู้สังคมภายนอก ทำให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีอายุยืนยาว มีความสุขและมีทักษะชีวิตที่ดี
นายศราวุธ ประจำถิ่น ครู กศน.อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี เล่าว่า ตนเป็นครู กศน .รับผิดชอบผู้สูงอายุที่เทศบาลเดชอุดม ซึ่งกลุ่มเทศบาลอำเภอเดชอุดมจะเป็นกลุ่มใหญ่ นักเรียนของเรามีหลายหมู่บ้าน ในการจัดการเรียนการสอนจะจัดอาทิตย์ละ 1 วัน เรียนทุกวันศุกร์ ฉะนั้น เรียนตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง ทาง กศน. ผู้สูงอายุที่มาเรียนที่นี่จะเรียนระดับประถมศึกษา บวก ลบ คูณหาร และคำที่ใช้ในภาษาไทย คำที่เขียนถูกเขียนผิด ส่วนภาษาอังกฤษก็จะสอนคำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และเน้นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เน้นให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี สอนเรื่องอาชีพด้วย ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ก็จะมีอาชีพเป็นของเขาอยู่แล้ว แต่ละคนจะมีอาชีพแตกต่างกันไป แต่ละคนก็จะมี การส่งเสริมกัน มาสอนมาเพิ่มเติมกันและกั
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอาชีพ การพัฒนาทักษะชีวิตมีความสำคัญ เพราะ ผู้สูงอายุมีอายุมากขึ้น ลูก ๆ ก็ไม่ค่อยได้อยู่ดูแล เราก็จะมาส่งเสริมให้เขามีทักษะในการดำเนินชีวิต พัฒนาร่างกาย พัฒนาชีวิตให้มีสุขภาพจิต สุขภาพกายที่ดี ตนมาสอนเกือบปี หลังจากที่มาเรียนวันแรกนักเรียนจะน้อยมาก มีไม่กี่คน หลังจากที่เราออกประชาสัมพันธ์หานักเรียน พอเปิดไปได้สักระยะหนึ่ง การตอบรับก็เริ่มดีขึ้น นักเรียนจะไปบอก ปากต่อปาก ผู้สูงอายุบางคนที่เป็นโรคซึมเศร้า มาอยู่ที่นี่ได้พบปะเจอะเพื่อนก็แลกเปลี่ยนความคิดกัน สนุกสนานทำให้อารมณ์ด
นางคำฝั่ง แสวงศรี อายุ 56 ปี ชาวบ้าน อ.เดชอุดม บอกว่า ตอนแรกทราบข่าวว่าจะมีโรงเรียนผู้สูงอายุ ก็อยากมาเข้าโรงเรียนตอนนั้นป้าป่วยอยู่ อยู่บ้านก็เหงา ๆ ไม่มีลูกอยู่ด้วย จึงได้ให้ลูกสาวพามาสมัคร เขาเห็นด้วยอยากให้แม่มาหาเพื่อน เพราะอยู่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ด้วย สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลังจากมาโรงเรียนคือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ก่อนมาโรงเรียนต้องให้ลูกออกจากงานมาดูแลแม่ ที่ป่วยเป็นน้ำท่วมปอด ติดเชื้อ หมอบอกว่า จะอยู่ได้แค่ 6 เดือน เราก็เสียกำลังใจ แต่พอมาสมัครเรียน เราเห็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ มาเรียนครั้งแรกลูกมาส่ง 1 เดือน ผ่านไป บอกได้เลยว่าเกิดมาจนอายุจะครบ 60 ปีแล้ว เราไม่เคยมีกิจกรรมดี ๆ อาทิ งานเกิด ครูจัดให้พวกเราทุกเดือน เราไม่เคยกินเค้ก เราก็ได้กินเค้ก ขณะเดียวกันเราก็ไปหาหมอตามหมอนัด 3 เดือนแรกให้ลูกมาส่ง เดี๋ยวบิดมอเตอร์ไซค์มาเอง
“ภูมิใจที่ได้ใส่ชุดนักเรียนไม่อายใคร แต่ก่อนไม่มีใส่ มาเรียนที่นี่ มาพบเพื่อนมีกำลังใจ กินยาโรคลดลง ตอนนี้ทำกำข้าวขาย วันละ 5 อย่างก่อนมาเรียนลูกต้องหิ้วไปอาบน้ำ มาส่งโรงเรียน ลูกต้องให้นั่งเก้าอี้ นั่งกับพื้นไม่ได้ เดี๋ยวนี้ขี่มอไซค์มาเองทำอะไรเหมือนปกติได้ทุกอย่าง สิ่งที่ได้หลังจากมาเรียน คือ ชีวิตเปลี่ยนได้เพื่อน ได้สังคม เคยคิดฆ่าตัวตาย ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เป็นภาระของลูก ยาก็แพง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป อย่างน้อยเราก็มีเพื่อน ๆ มีครู มีหมอดูแล และคุณหมอก็มาสอนให้ออกกำลังกาย ปัจจุบันป้าเป็นจิตอาสาดูแลผู้ป่วยติดเตียง มีความสุขที่ได้ทำ ผู้สูงอายุป่วยเราก็พากันไปเยี่ยม” นางคำฝั่ง กล่าวทิ้งท้าย
07 มีนาคม 2561
ผู้ชม 1348 ครั้ง