วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ส่งเจ้าหน้าที่ ชุดเฉพาะกิจ “ไตรเทพพิทักษ์” ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบแรงงานต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทย 21 ราย ซึ่งการบูรณาการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้เป็นไปตามแผนการตรวจโครงการบูรณาการตรวจสอบการจ้างงาน สภาพการจ้าง การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ซึ่งเน้นคุ้มครองคนไทยที่ถูกแรงงานต่างด้าวแย่งอาชีพ แรงงานต่างด้าวทำงานที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงดูแลเรื่องการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน โดยปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีกับแรงงานต่างด้าว และนายจ้าง สถานประกอบการ ที่ทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด จริงจัง

          “ขณะนี้ กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการผ่อนผันให้แรงงานกัมพูชาและเมียนมาที่นายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อฯ ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในประเทศไทยชั่วคราวและอนุญาตให้ทำงาน เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ส่วนแรงงานสัญชาติลาวและเวียดนามที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 นั้นจะผ่อนผันให้อยู่ในประเทศไทยชั่วคราว เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อให้นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด ดังนั้นจึงขอให้นายจ้างเร่งรัดดำเนินการตามที่กระทรวงแรงงานได้ประกาศออกไป และขอเน้นย้ำว่า ชุดเฉพาะกิจ “ไตรเทพพิทักษ์” เอาจริง และจะเข้มข้นขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะการทำงานของแรงงานต่างด้าวในประเทศ เนื่องจากเชื่อมโยงถึงความมั่นคงภายในประเทศไทย และขอให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าเราจะให้ความคุ้มครอง ดูแลอาชีพของคนไทย ในขณะเดียวกันจะดูแลให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง” นายบุญสงค์ กล่าว

          ด้าน นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าวของชุดเฉพาะกิจไตรเทพพิทักษ์ในวันนี้เป็นไปตามนโยบายของท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ให้ความเข้มงวดในเรื่องนี้ เนื่องจากมีนายจ้างคนไทยได้ร้องเรียนเข้ามาทางสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 ว่ามีแรงงานต่างด้าวเข้ามาเป็นผู้ประกอบการ แย่งอาชีพคนไทยในหลายพื้นที่ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงได้เน้นย้ำกับชุดเฉพาะกิจฯ ว่าให้มีการตรวจสอบเรื่องการแย่งอาชีพคนไทยเป็นหลักก่อน ซึ่งภายหลังจากวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ จะเข้มงวดตรวจสอบในเรื่องการที่ต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงานและหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งจากการดำเนินการตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมา อาชีพหลักที่พบว่าต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทย คือ ช่างเสริมสวย รองลงมา คือ ขายของหน้าร้าน

          นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าวในวันนี้ จุดแรกที่ตลาดสดหทัยมิตร ถนนหทัยราษฎร์ เขตคลองสามวา พบแรงงานต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย แย่งอาชีพคนไทย จำนวน 6 ราย เป็นสัญชาติกัมพูชา 4 ราย เมียนมา 1 ราย ลาว 1 ราย ซึ่งทุกคนมีพาสปอร์ต มีใบอนุญาติทำงาน (work permit) ถูกต้อง แต่ทำงานขายของหน้าร้านซึ่งเป็นงานนอกเหนือที่กฏหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ส่งดำเนินคดีที่สถานีตำรวจนครบาลนิมิตใหม่ตามกฎหมาย ส่วนจุดที่ 2 ที่ศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ประตูน้ำ เขตราชเวที พบแรงงานต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย แย่งอาชีพคนไทย ทำงานขายของหน้าร้านซึ่งเป็นงานนอกเหนือที่กฏหมายกำหนด จำนวน 15 ราย เป็นสัญชาติเมียนมา 13 ราย ลาว 1 ราย และกัมพูชา 1 รายเจ้าหน้าที่ส่งสถานีตำรวจนครบาลพญาไทดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

          “คนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือสิทธิจะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกผลักดันส่งกลับ และในส่วนนายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิจะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 -100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี หากท่านใดพบเบาะแสการกระทำผิดของแรงงานต่างด้าวในประเทศ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 หรือแจ้งที่คณะทำงานชุดเฉพาะกิจ ไตรเทพพิทักษ์ กระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400 เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายพิเชษฐ์ กล่าว