คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ สาขาเทคโนโลยีภูมิทัศน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) นำทีมโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญญาพร บุญศรี ประธานหลักสูตรสาขาเทคโนโลยีภูมิทัศน์ ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ต้องขังเรือนจำกลางบางขวาง และเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ‘โครงการส่งเสริมการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังด้านการจัดสวนหย่อมและการดูแลรักษางานภูมิทัศน์ กรมราชทัณฑ์’ ณ กรมราชทัณฑ์ จังหวัดนนทบุรี

นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า โครงการส่งเสริมการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังด้านการจัดสวนหย่อมและการดูแลรักษางานภูมิทัศน์ กรมราชทัณฑ์ ความร่วมมือระหว่างเรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และกองพัฒนาพฤตินิสัย เพื่อให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้รับความรู้เกิดทักษะความชำนาญด้านการจัดสวนหย่อมที่ถูกต้องตามหลักวิชาการในสภาพพื้นที่มีทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักการทำงานเป็นทีม ฝึกฝนความรับผิดชอบในการทำงาน และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์เป็นแนวทางประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนเพื่อจัดสภาพแวดล้อมพื้นที่กรมราชทัณฑ์ให้มีความสวยงาม และมีความพร้อมเป็นสถานที่สำหรับฝึกทักษะฝีมือผู้ต้องราชทัณฑ์ด้านการจัดสวนหย่อมและการดูแลรักษางานภูมิทัศน์ให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ โดยมีผู้ต้องขังเข้ารับการอบรม จำนวนทั้งสิ้น 28 คน (เรือนจำกลางบางขวาง 13 คน และเรือนจำจังหวัดนนทบุรี 15 คน)

              ทางด้าน ผศ.บุญญาพร บุญศรี ประธานหลักสูตรสาขาเทคโนโลยีภูมิทัศน์ เผยว่า สำหรับหลักสูตรการจัดสวนหย่อม เป็นการจัดสวนหย่อมขนาดเล็ก และการดูแลรักษางานภูมิทัศน์ ในส่วนของการดูแลภูมิทัศน์เบื้องต้น การตัดแต่งกิ่ง การควบคุมการเจริญเติบโต การใช้เครื่องมือในการจัดสวน ใช้เวลาในการอบรม 2 วัน ซึ่งในครึ่งวันแรกเป็นในส่วนของการบรรยายทฤษฎี และอีกหนึ่งวันครึ่งลงปฏิบัติพื้นที่ จากการมองภาพรวมของการอบรม เมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษสามารถรับจ้างในการดูแล หรือการจัดสวน จัดสวนในพื้นที่ขนาดเล็กเบื้องต้น จัดสวนตามมุมบ้าน มุมลักษณะนี้ด้วยเลือกต้นไม้อย่างไร ต้นไม้ในร่มและกลางแจ้ง ได้รู้จักชนิดของต้นไม้ที่ความเหมาะสมในพื้นที่ ความรู้ที่ได้นำไปต่อยอดสร้างอาชีพได้ต่อไป

          โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดสวนหย่อมและการดูแลรักษางานภูมิทัศน์เท่านั้น แต่ยังเป็นการ "จุดประกาย" และสร้างโอกาสให้ผู้ต้องขังได้มีวิชาชีพติดตัวหลังพ้นโทษ สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และกลับคืนสู่สังคมได้อย่างยั่งยืน