วันที่ 31 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐิน ประจำปีพุทธศักราช 2568 ให้กรมการจัดหางาน ตามที่ขอพระราชทาน เพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดในวัง พระอารามหลวง ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา โดยมีนายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ อธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน นายสังคม เกิดก่อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดสงขลา ภาคเอกชน และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ร่วมพิธี ทั้งนี้ ผู้มีจิตกุศลร่วมถวายจตุปัจจัย ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและบูรณะพระอาราม ทำบุญกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 4,725,332 บาท

สำหรับวัดในวัง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ 115/1 ถนนต่างตานุสรณ์ หมู่ที่ 1 ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2520 ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดในวัง ขึ้นเป็นพระอารามหลวง ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2536 เดิมมีชื่อว่า "วัดในวังแปลงประดิษฐ์" ต่อมาคำว่า "แปลงประดิษฐ์" ได้หายไปคงมีแต่คำว่า "วัดในวัง" พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบริมคลองนาทวี มีพระอุโบสถ สร้างในปี พ.ศ. 2526 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ขึ้น ประดิษฐานไว้ที่หน้าวัด และมีพระประธานในอุโบสถพระเพลา กว้าง 50 นิ้ว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบรรจุพระบรมธาตุในพระเกตุมาลาเมื่อ พ.ศ. 2523 ต่อมา พ.ศ. 2524 ได้พระราชทานนามว่า "พระพุทธธรรมพัฒนากร" เป็นพระพุทธรูปแบบเชียงแสนปางมารวิชัย ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชฯ วัดราชบพิตรฯ ทรงบรรจุพระธาตุในพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2520 ในเจดีย์สูง 25 เมตร ซึ่งพระครูวินัยธรสายัณห์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2524 เพื่อร่วมสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี สมเด็จพระสังฆราชประทานนามว่า "พระธาตุทองชยูปกรเจดีย์" ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกาปัจจุบันมีพระครูโชติยาธิคุณ เป็นเจ้าอาวาสวัดในวัง พระอารามหลวง

ทั้งนี้ กฐินพระราชทาน เป็นกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าของหลวงแก่ผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานเพื่อไปถวายวัดหลวงต่างๆ นอกจากวัดสำคัญที่ทรงกำหนดไว้ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เอง หรือจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ หรือองคมนตรี หรือผู้ที่ทรงเห็นสมควรเป็นผู้แทนพระองค์ไปถวาย จึงเปิดโอกาสให้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ตลอดจนคณะบุคคลหรือบุคลากรที่สมควรรับพระราชทานผ้ากฐินไปถวายได้ โดยกรมการจัดหางานได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชน ได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน เพื่อเป็นการอุปถัมภ์พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสให้ได้รับอานิสงส์ตามพระวินัย และเป็นทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม โดยเป็นการรวมพลังแห่งความสามัคคี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ในการสร้างบุญกุศล สร้างความสุขของการอยู่ร่วมกันในสังคม รวมทั้งเป็นการจรรโลงและส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้มั่นคงดำรงอยู่เจริญวัฒนาสถาพรสืบไป