ปัจจุบันการจ้างงานของบริษัทเอกชนมีจำกัดและน้อยลง การทำงานในส่วนราชการหายากและอัตตราการบรรจุเข้าทำงานมีน้อย ดังนั้น การสร้างอาชีพอิสระและเป็นเจ้าของกิจการตนเองในยุคนี้จึงเป็นอีกทางเลือก ซึ่งการศึกษานับได้ว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ของนักศึกษาในสถานศึกษาในการสร้างความรู้ กระบวนการคิด และส่งผลให้นักศึกษาที่เรียนจบไปสามารถนำองค์ความรู้ได้ได้ศึกษานำไปพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ หรือประกอบอาชีพอิสระของตนเอง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิศิษย์ เกตุปัญญาพงศ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาสัตวศาสตร์คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มทร.สุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า คณะมุ่งมั่นที่จะผลิตบัณฑิตให้เป็นคนดี มีความรู้ รักสู้งาน เชี่ยวชาญการปฏิบัติ มีการพัฒนาเชิงบูรณาการด้านทักษะวิชาชีพและเทคโนโลยีให้เป็นบัณฑิตนักปฏิบัติที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน โดยเสริมสร้างจุดแข็งให้แก่บัณฑิตให้มีความรู้ ทักษะ ประสบการณ์เพียงพอที่จะทำงานได้ทันทีเมื่อสำเร็จการศึกษาสร้างความมั่นใจและรองรับการประกอบอาชีพในอนาคตแบบครบวงจรในสถานการณ์จริง และได้คิดสภาวะจำลองของบัณฑิตที่จบใหม่ว่า หากจบการศึกษาแล้ว นักศึกษาจะประกอบอาชีพอะไร ด้วยเงินทุน แค่ 10,000 บาท เพื่อสร้างอาชีพ ซึ่งอาชีพการเลี้ยงนกกระทาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับบัณฑิตที่จบใหม่ เนื่องจากนกกระทาไข่สามารถทำได้ลงทุนไม่มาก สายพันธุ์เพาะขยายพันธุ์เองได้วงจรชีวิตสั้น สามารถได้ผลตอบแทนเร็ว คืนทุนเร็ว มีรายได้ประจำ ใช้วัสดุอุกรณ์และพื้นที่ในการเลี้ยงไม่มากนักเมื่อเทียบกับการเลี้ยงสัตว์อื่น ตนจึงมีแนวทางนำองค์ความรู้ในรายวิชาการผลิตสัตว์ปีกฝึกทักษะนักศึกษา พร้อมได้สอดแทรกเรื่องการจัดหาตลาด รวมทั้งการแปรรูปให้กับนักศึกษาไปในตัวด้วยเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและนโยบายของมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการประกอบอาชีพในอนาคตแบบครบวงจรและในสถานการณ์จริง โดยฝึกทักษะทางด้านการขยายพันธุ์ การตลาดการแปรรูปตั้งแต่ไข่สด ไข่ต้มแบบแกะเปลือกและไข่ต้มแบบไม่แกะเปลือก ออกจำหน่ายตามคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย และขยายผลสู่ตลาดภายนอก ภายใต้ชื่อ "ศาลาอาสม" ซึ่งรายได้ที่ได้มาส่วนหนึ่งนำมาเป็นทุนในการเรียนรู้ ศึกษา และซื้ออาหารนก นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดการจำหน่ายเนื้อนกกระทา โดยการใช้สมุนไพรผสมในอาหารให้นกกิน เพื่อเพิ่มรสชาติของเนื้อนก ซึ่งได้รับความสนใจจากพ่อค้านกกระทาเป็นอย่างมาก เพราะเนื้อนกจะมีความอร่อยหอมด้วยสมุนไพร ความคุ้มค่าการลงทุนต่อผลผลิตที่ได้ หากพิจารณาเปรียบเทียบกับการเลี้ยงไก่ไข่ พบว่าการเลี้ยงนกกระทาจะให้ความคุ้มค่าในการลงทุนต่อผลผลิตได้มากกว่าการเลี้ยงไก่ไข่ โดยคิดจากราคาต้นทุนค่าอาหาร 1 กิโลกรัม ต่อผลผลิตไข่ที่ได้
การเลี้ยงนกกระทา ใช้อาหารในการเลี้ยง 20 กรัมต่อตัว ดังนั้นอาหาร 1 กิโลกรัม จะเลี้ยงนกกระทาได้ ประมาณ 50 ตัว (อาหารนกไข่ ราคากิโลกรัมละ 15 บาท) หากคิด % ให้ไข่ร้อยละ 70 จะได้ผลผลิตไข่ 35 ฟอง หากราคา ไข่นกอยู่ฟองละ 0.7 บาท จะมีรายได้ คิดเป็น 24.5 บาท ต่อการลงทุนอาหาร 1 กิโลกรัม นั่นคือ ลงทุน 15 บาท ขายผลผลิตได้ 24.5 บาท คิดเป็นส่วนกำไร 9.5 บาท/กิโลกรัม
จะเห็นได้ว่าความคุ้มทุนในการเลี้ยงนกกระทา เมื่อลงทุนจะได้ผลคุ้มทุนที่มากกว่าการเลี้ยงไก่ไข่ถึง 3.96 เท่า ซึ่งนกกระทาไข่ มีวงจรชีวิตที่สั้น การให้ผลตอบแทนเร็ว การเลี้ยงใช้เงินลงทุนที่น้อยกว่า และการให้ผลผลิตระยะยาวเหมือนไก่ไข่ มีผลผลิตได้ทุกวันทำให้มีรายได้ทุกวัน ผลผลิตที่ได้มีความหลากหลายที่แตกต่างจากไก่ไข่ คือ การจำหน่ายสายพันธุ์จากการเพาะฟักได้ทุกช่วงอายุ มูลนกถือเป็นปุ๋ยยูเรีย ตามธรรมชาติที่ราคาถูก ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าสนใจในการประกอบอาชีพในอนาคต
สำหรับผู้สนใจข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงนกกระทาไข่ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิศิษย์ เกตุปัญญาพงศ์ สาขาวิชาสัตวศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มทร.สุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยาหันตรา โทรศัพท์ 081-277-4408
16 มีนาคม 2563
ผู้ชม 946 ครั้ง