กรมการจัดหางาน แนะนำ แรงงาน 4 สัญชาติ ตามมติครม. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุ ภายในวันที่ 13 ก.พ. 67 เร่งต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th ก่อนใบอนุญาตทำงานสิ้นอายุ
นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันแรงงาน 4 สัญชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม 2565 จำนวนประมาณ 1 ล้านคน ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุพร้อมกันในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 แรงงานกลุ่มดังกล่าวหากประสงค์จะทำงานต่อไปให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานพร้อมด้วยเอกสารหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอ (บต. 50 อ. 5) ก่อนใบอนุญาตทำงานสิ้นอายุ โดยให้นายจ้างดำเนินการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว พร้อมเอกสารและหลักฐาน ได้แก่ สำเนาหนังสือเดินทาง และสำเนาหลักฐานการตรวจลงตราวีซ่า ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ไม่น้อยกว่าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 รูปถ่าย ขนาด 3x4 ซม. หนังสือรับรองการจ้าง (แบบ บต. 46) และหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคล (กรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคล) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กรมการจัดหางาน ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th พร้อมชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอ ฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ฉบับละ 900 บาท ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 โดยให้คนต่างด้าวใช้ใบรับคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานและใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียม เป็นหลักฐานแสดงว่าได้รับการผ่อนผันให้ทำงาน และเมื่อนายทะเบียนตรวจสอบคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานแล้ว หากเห็นว่าถูกต้องครบถ้วนจะต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าวมีสิทธิทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งคนต่างด้าวจะได้รับทะเบียนใบอนุญาตทำงานไว้ใช้เป็นหลักฐานแทนใบอนุญาตทำงานจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงาน
นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากดำเนินการครบถ้วนแล้ว ให้ยื่นหลักฐานการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรฯ (Visa) ไม่น้อยกว่าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 และหลักฐานการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน หรือการทำประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุข ตามแต่ละกรณี ต่อกรมการจัดหางาน หากกรมการจัดหางานตรวจสอบแล้วพบว่าแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตทำงานและดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งนายจ้างและแรงงานต่างด้าวอย่างเข้มงวดต่อไป
ทั้งนี้ หากติดปัญหาไม่สามารถดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเองได้ สามารถติดต่อขอรับบริการจากเจ้าหน้าที่ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 ในท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของนายจ้าง หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2
21 ธันวาคม 2566
ผู้ชม 160 ครั้ง