นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยผลงาน กระทรวงแรงงาน ผลักดันกฎหมายเพิ่มสิทธิประโยชน์ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ สำเร็จ ให้สิทธิลาคลอดบุตรได้รับค่าจ้าง 98 วัน เพิ่มวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีให้เป็นวันหยุดตามกฎหมาย พร้อมปรับปรุงการรักษาโรคโควิดให้สอดคล้องตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลใช้บังคับ 2 พ.ค. 67 เป็นต้นไป
นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 2 ฉบับ คือ มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ 5) และประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ซึ่งกระทรวงแรงงาน ได้ผลักดันกฎหมายทั้ง 2 ฉบับจนเป็นผลสำเร็จ โดยเป็นการปรับปรุงประกาศฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้รองรับสิทธิขั้นพื้นฐานของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ
ที่ควรได้รับมากยิ่งขึ้นตามแนวโยบายของรัฐบาล และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสอดคล้องกับหลักการสากล
อันเป็นการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทียมในสังคม โดยประกาศฯ มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้าง
ในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ 5) จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 และประกาศฯ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลฯ ให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ประกาศ ครรส. เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ 5) ได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจหญิงมีสิทธิลาคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้างจากเดิม 90 วัน เป็น 98 วัน เพิ่มวันหยุดตามที่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ ให้เป็นวันหยุดตามกฎหมายและหากลูกจ้างทำงานในวันหยุดดังกล่าวให้มีสิทธิได้รับค่าจ้างด้วย สำหรับประกาศฯ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลฯ เป็นการปรับปรุงการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด 19 โดยกำหนดประเภทผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต เฉพาะผู้ป่วยสีเหลือง และสีแดงที่มีสิทธิได้รับค่ารักษาตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อรองรับให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการจ่ายค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลให้แก่ลูกจ้าง คู่สมรส หรือบุตรของลูกจ้างได้โดยเร็ว
05 พฤษภาคม 2567
ผู้ชม 100 ครั้ง