24 พฤศจิกายน 2567

ข่าวประกาศ

กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รับสมัครบุคคลเข้ารับราชการ จำนวน 6 อัตรา สมัครตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2565 สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รับสมัครบุคคลเป็นพนักงานราชการทั่วไป จำนวน 6 อัตรา สมัครตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2565 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล รับสมัครบุคคลเป็นพนักงานราชการทั่วไป จำนวน 6 อัตรา สมัครตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2565 กรมทางหลวง รับสมัครเข้ารับราชการ จำนวน 6 ตำแหน่ง สมัครตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ - 14 มีนาคม 2565 กรมสรรพสามิต รับสมัครบุคคล (คนพิการ) เป็นพนักงานราชการทั่วไป จำนวน 6 อัตรา สมัครตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2565

ดูบทความรมว.“พิพัฒน์”หารือทูตกัมพูชา ส่งเสริมความร่วมมือข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานถูกกฎหมาย

รมว.“พิพัฒน์”หารือทูตกัมพูชา ส่งเสริมความร่วมมือข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานถูกกฎหมาย

หมวดหมู่: แรงงาน



          นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายฮุน ซาเรือน (Mr. Hun Saroeun) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ประจำประเทศไทย และคณะ เข้าพบเพื่อเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในโอกาสเข้ารับหน้าที่ และขอบคุณกระทรวงแรงงาน รวมถึงรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยเป็นอย่างดี โดยมี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายสันติ นันตสุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานร่วมด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

 


          นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผมขอขอบคุณท่านทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย และคณะ ที่ได้ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนกระทรวงแรงงานในครั้งนี้ ไทยและกัมพูชา ได้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานและข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานร่วมกัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันการเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายและป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ และปัจจุบัน กระทรวงแรงงานของไทยและกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพกัมพูชา อยู่ระหว่างการหารืออย่างใกล้ชิด เพื่อจัดทำร่าง MOU และ Agreement ฉบับใหม่ทดแทนฉบับเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของทั้งสองประเทศ และกำหนดให้มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องจากฉบับเดิม ซึ่งผมคาดหวังว่าไทยและกัมพูชาจะได้ลงนาม MOU และ Agreement ฉบับใหม่ได้ในเร็วๆ นี้

          สำหรับข้อเสนอการจัดทำ Agreement ฉบับใหม่ เรื่องประมงเป็นการเฉพาะที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอมานั้น ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าการดูแลแรงงานประมงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 และมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบของความร่วมมือที่จะดำเนินการร่วมกัน โดยไม่ซ้ำซ้อนกับ MOU ในเรื่องการจัดส่งแรงงานที่มีอยู่แล้ว

          ส่วนการออกเอกสารประจำตัวแรงงานกัมพูชาหรือการพิสูจน์สัญชาติ ขอให้ท่านทูตช่วยประชาสัมพันธ์ให้แรงงานกัมพูชามายื่นขอรับเอกสารประจำตัว (Travel Document (TD)) ผ่านระบบออนไลน์ ภายในวันที่ 31ตุลาคม 2567 ตามมติ ครม. เมื่อเดือนตุลาคม เนื่องจากพบว่า ยังมีแรงงานกัมพูชาอีก 95,000 คน ที่ยังไม่ดำเนินการ และหากไม่สามารถดำเนินการภายในกำหนด แรงงานกลุ่มดังกล่าว จะไม่สามารถทำงานในประเทศไทยได้ และจะต้องถูกผลักดันกลับประเทศ

 

 

           อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้มีการประชาสัมพันธ์เอกสารเป็นภาษากัมพูชา และมีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนทั้งทางสายด่วน FACEBOOK ไลน์ โดยจ้างผู้ประสานงานด้านภาษาที่จะเป็นล่ามให้บริการด้วย ผมขอให้ท่านทูตช่วยประชาสัมพันธ์ให้แรงงานสามารถใช้ช่องทางดังกล่าวในการติดต่อกระทรวงแรงงานหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำงาน ด้านความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน ไทยและกัมพูชามีความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานมาเป็นเวลานานทั้งโครงการการฝึกอบรมให้แก่ตัวแรงงานเองและครูฝึกอาชีพกัมพูชา โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานไทย - กัมพูชา ณ ปูนพนม ซึ่งปีนี้ ได้รับทราบว่า กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้ให้งบประมาณสนับสนุนกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้ฝึกอบรมทักษะให้แก่ครูฝึกและเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา ในสาขาต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้ายานยนต์ และเครื่องปรับอากาศอีกด้วย หากทางกัมพูชาต้องการให้กระทรวงแรงงานช่วยเหลือในด้านใดอีกขอให้แจ้งเพิ่มเติมได้

          “ปัจจุบันมีแรงงานสัญชาติกัมพูชาที่ทำงานในประเทศไทย จำนวน 483,368 คน ซึ่งถือเป็นแรงงานที่นายจ้างส่วนใหญ่ให้ความชื่นชมในความขยันขันแข็งและความใส่ใจในการทำงานมากกลุ่มหนึ่ง และแรงงานกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยถือว่ามีส่วนช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยด้วยอีกทางหนึ่ง” นายพิพัฒน์ กล่าว

          ด้าน นายฮุน ซาเรือน (Mr. Hun Saroeun) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ผมขอขอบคุณกระทรวงแรงงาน ที่ให้ความสำคัญ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือด้านแรงงานกับฝ่ายกัมพูชา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการหารือในวันนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะยังคงเหนียวแน่นเช่นนี้ต่อไป

01 สิงหาคม 2567

ผู้ชม 60 ครั้ง

Engine by shopup.com