ประเทศไทยมีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 จึงเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายและการรวมกลุ่มของกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ของประเทศไทย โดยรัฐบาลให้การสนับสนุน Startup ในประเทศไทยให้ยืนหยัดอยู่ได้ เปิดโอกาสให้แก่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการดำเนินธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและส่งเสริมศักยภาพด้านต่างๆ ให้สามารถเติบโตไปสู่ระดับสากล โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติเป็นเจ้าภาพจัดโครงการและเชิญพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง อาทิ นักลงทุน ภาคอุตสาหกรรม มาร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนา Startup Thailand ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งม.รังสิต เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งเดียวที่ได้เข้าร่วม Startup Thailand 2017
ผศ.ดร.เชฏฐเนติ ศรีสอ้าน คณบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.รังสิต หัวหน้าโครงการ RSU Startup กล่าวว่า ที่ผ่านมา ม.รังสิตมีงานวิจัยโปรเจกต์ของนักศึกษาคณะต่างๆ เป็นจำนวนมาก และในปี 2560 จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยส่งผลงานนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand 2017 ถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวที่ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันมากที่สุด 110 ทีม จากวิทยาลัยและคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยรังสิตผ่านเข้ารอบทั้งหมด 32 ทีม ได้รับเงินสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ทีมละ200,000 บาท ซึ่งผลงานที่ผ่านเข้ารอบประกอบด้วยวิทยาลัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 17 ทีม คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ 8 ทีม คณะบริหารธุรกิจ 5 ทีม คณะวิทยาศาสตร์ 1 ทีม และคณะเทคโนโลยีอาหาร 1 ทีม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยรังสิต เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าวรวมถึงหลักสูตรการเรียนการสอนภายในมหาวิทยาลัยถือเป็นคลังปัญญาที่รวบรวมงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ ๆ ของคณาจารย์และนักศึกษาที่สามารถนำมาต่อยอดให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศได้เป็นอย่างมาก ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของ Startup ในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 9 สาขาได้แก่ 1.เกษตรและอาหาร (AgriTech/ Food Startup) 2.การแพทย์และสาธารณสุข (MedTech/ Health Tech) 3.การเงินและการธนาคาร (FinTech) 4.การศึกษา (EdTech) 5.การท่องเที่ยว (TravelTech) 6.ไลฟ์สไตล์ (LifeStyle) 7.พาณิชยกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) 8.ภาครัฐ/การศึกษา(GovTech/EdTech) และ 9.อสังหาริมทรัพย์ (Property Tech) ส่วนหนึ่งได้รับการต่อยอดโดยมีผู้ร่วมทุนจัดตั้งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าจริง อยู่ระหว่างการพัฒนาชิ้นงานร่วมกับ TRUE INCUBEอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอจดสิทธิบัตรได้รับทุนสนับสนุนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อขอรับรองมาตรฐานส่งชิ้นงานไปทดสอบในโรงพยาบาลหรือสถาบันที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
หัวหน้าโครงการ RSU Startup กล่าวเพิ่มเติมว่า เรายังมีนวัตกรรมอีกหลากหลายผลงานที่ไม่ได้ส่งเข้าร่วมโครงการ startup แต่ผลักดันให้ส่งผลงานเข้าประกวดเวทีต่าง ๆ ตามความเหมาะสม อาทิ โดรนสำรวจใต้นํ้า ของวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โครงการ “รางวัลนักคิดสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่ประจำปี 2561” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)รถเข็ญไฟฟ้าเคลื่อนที่รอบทิศทาง ของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ฯลฯ “จากประสบการณ์ในเวที Startup ทำให้หลายคณะในมหาวิทยาลัยปรับหลักสูตรการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์ของนักศึกษามากขึ้น โดยมีอาจารย์เป็นโค้ชคอยแนะนำให้นักศึกษาทำตามความฝันได้ตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งจากเดิมนักศึกษาจะคิดโปรเจกต์ตอนอยู่ชั้นปีที่ 4 ให้สามารถคิดและทำโปรเจกต์ได้ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 เพราะนักศึกษามีศักยภาพเพียงพอและมีเวลาและความพร้อมในการต่อยอดวิชาความรู้จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อนำไปสู่แนวทางการประกอบอาชีพในอนาคตซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยที่จะปรับตัวให้ทันต่อโลกอนาคตโดยมหาวิทยาลัยรังสิตจะผลักดันและสนับสนุนให้นักศึกษาแสดงศักยภาพขอตนให้เต็มที่ในเวทีต่าง ๆ ต่อไป
ผศ.ดร.เชฏฐเนติ กล่าวว่า เราผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพ เราต้องปั้นให้ฝันเขาเป็นจริงให้ได้ เขาอยากเป็นอะไรเราต้องให้เขาเป็นให้ได้ เราปั้นเด็กทุกชั้นปี แต่อยากให้เริ่มตั้งแต่ ปี 1 ผมกำลังจะบอกว่า ไม่ใช่เด็กปี 1 ทำอะไรไม่เป็น เขาเองต่างหากที่เป็นอนาคตของชาติ ถ้าสมมติเรารอปั้นนักศึกษาปี 4 เรามีเวลาบ่งเพาะแค่ครึ่งเทอมมันไม่มีประโยชน์อะไร ฉะนั้น นักศึกษามาเข้าโครงการ RSU Startup ได้ทุกปี แต่เราจะเริ่มให้เข้าโครงการกันตั้งแต่ ปี 1 พอถึงปี 4 เขาทำโครงการเสร็จพอดี
"สำหรับผมโครงการ RSU Startup เป็นแค่กระบวนการที่จะหล่อหลอมคน ซึ่งบังเอิญมันถูกจริต คนรุ่นใหม่พอดี คนรุ่นใหม่ไม่ต้องการสอน เขาต้องการผู้ช่วย ต้องการพาสเนอร์ ต้องการคู่คิด เราน่าจะเอาความรู้ที่เรามี ช่วยเขาคิด ช่วยเขาสร้างขึ้นมา เรื่องวิชาการ เราให้เต็มที่ แต่ว่ากระบวนการต่างหากที่เราจะผลิตออกมาแล้วให้สวย เด่นกว่าคนอื่น” หัวหน้าโครงการ RSU Startup กล่าวทิ้งท้าย
20 มีนาคม 2561
ผู้ชม 954 ครั้ง