26 มิถุนายน 2568

ข่าวประกาศ

กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รับสมัครบุคคลเข้ารับราชการ จำนวน 6 อัตรา สมัครตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2565 สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รับสมัครบุคคลเป็นพนักงานราชการทั่วไป จำนวน 6 อัตรา สมัครตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2565 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล รับสมัครบุคคลเป็นพนักงานราชการทั่วไป จำนวน 6 อัตรา สมัครตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2565 กรมทางหลวง รับสมัครเข้ารับราชการ จำนวน 6 ตำแหน่ง สมัครตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ - 14 มีนาคม 2565 กรมสรรพสามิต รับสมัครบุคคล (คนพิการ) เป็นพนักงานราชการทั่วไป จำนวน 6 อัตรา สมัครตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2565

ดูบทความอาจารย์นักวิจัย ม.มหาสารคาม ค้นพบ ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมพันธุ์ใหม่“เหลือง มมส” แข็งแรง เลี้ยงง่าย ให้ผลผลิตสูง

อาจารย์นักวิจัย ม.มหาสารคาม ค้นพบ ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมพันธุ์ใหม่“เหลือง มมส” แข็งแรง เลี้ยงง่าย ให้ผลผลิตสูง

หมวดหมู่: การศึกษา


งานวิจัย “การปรับปรุงพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่”  นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สาน วิไล  อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และผู้ร่วมวิจัยอีก 4 คน ได้แก่ ผศ. ดร. จุฑาพร แสงประจักษ์  นางสาวจุฑารัตน์ จามกระโทก  นายวรพจน์ รักสังข์   และนายสุวัฒน์ พรมมา   ได้รับทุนสนับสนุนโครงการวิจัยการเกษตรเชิงพาณิชย์  จากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)(สวก.) และศูนย์ความเป็นเลิศทางนวัตกรรมไหม  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

 



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สาน วิไล   เปิดเผยว่า ตนและคณะ  ดำเนินการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่ โดยการผสมข้ามพันธุ์  ระหว่างไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน กับไหมพันธุ์ต่างประเทศ ได้แก่ พันธุ์หัวฝาย (H) และพันธุ์โชวะ (E) ปรับปรุง โดยได้ทำการเลี้ยงทดสอบและผลิตไข่ไหมให้เกษตรกรเลี้ยงเพื่อเป็นการทดสอบ ในพื้นที่อำเภอยางสีสุราช  จังหวัดมหาสารคาม  ซึ่งผลการทดสอบเลี้ยงไหมกับกลุ่มเกษตรกรพบว่า   ได้ผลดีในระดับที่น่าพอใจ  เกษตรกรที่ทดสอบเลี้ยงพึงพอใจมากต่อการเลี้ยงไหม  เพราะมีจุดเด่นที่แตกต่างกว่าพันธุ์ที่เคยเลี้ยง  คือ ปริมาณเส้นไหมที่ได้รับให้ผลผลิตสูง  แข็งแรง  เลี้ยงง่าย  จึงเป็นพันธุ์ไหมที่มีความเหมาะสมที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงต่อไป

 

 

สำหรับการปรับปรุงพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่  โดยการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน 2 สายพันธุ์ได้แก่  พันธุ์หัวฝาย (H) และพันธุ์คอตั้ง (K) กับไหมสายพันธุ์ต่างประเทศ 4 สายพันธุ์  ได้แก่ KS1 , KS3 ,KS5 และพันธุ์โชวะปรับปรุง (E หรือ S) การศึกษาประกอบด้วย

1) ทดสอบประสิทธิภาพของการให้ลูกผสม จำนวน 6 คู่ผสม (H x E, E x H , KS3 x H, KS3 x K, KS1 x H, KS1 x K และ KS5 x H)

2) เปรียบเทียบพันธุ์ไหม 4 คู่ผสมในท้องถิ่นต่างๆ (E x H , KS3 x H , KS1 x H และ H X E)  โดยมีพันธุ์ดอกบัว (UB1 x นางน้อย) เป็นพันธุ์มาตรฐานเปรียบเทียบ

3) ทดสอบไหมพันธุ์ไทยลูกผสมพันธุ์ใหม่ (H x E) ในภาคเกษตรกร  จากการศึกษาทำให้ได้ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างใช้ไหมพันธุ์หัวฝายเป็นแม่  ซึ่งหนอนไหมมีลักษณะแต้มลายบนลำตัว  เป็นแบบปกติ  รังไหมมีลักษณะหัวป้านท้ายแหลม  รังสีเหลือง  ผสมพันธุ์กับพันธุ์โชวะปรับปรุงเพศผู้  หนอนไหมมีลักษณะขาวปลอดและเลี้ยงง่าย  รังไหมกลมรีสีขาว  ผลปรากฏได้หนอนไหมลูกผสมพันธุ์ H x E ลำตัวมีลักษณะแต้มลายเป็นแบบปกติ  รังไหมมีลักษณะกลมรีสีเหลือง  และมีขนาดของรังสม่ำเสมอ ให้ชื่อไหมพันธุ์ใหม่ว่า “เหลือง มมส”

 



ดังนั้น ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่ มีความเหมาะสมที่จะนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยง  เนื่องจาก  แข็งแรง เลี้ยงง่าย ให้ผลผลิตสูง และรังมีคุณภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับไหมพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมเลี้ยง ทั่วไปแล้ว  รังไหม 1 รัง ได้เส้นไหมยาวประมาณ 700 - 800 เมตร จึงเป็นพันธุ์ไหมที่เหมาะส่งเสริมให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงไหมเชิงอุตสาหกรรมได้โดยเฉพาะในเขตจังหวัดมหาสารคาม

 

 


จากความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์ไหมจนทำให้ได้ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่  ตนเองในฐานะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เชื่อว่า อุตสาหกรรมไทย  น่าจะหันมาพัฒนาสายพันธุ์และส่งเสริมการใช้เส้นไหมที่เป็นทั้งพันธุ์ไทยพื้นเมือง  ที่มีเอกลักษณ์ดั้งเดิมของไหมไทย และการส่งเสริมการใช้เส้นไหมที่มีการพัฒนาจากพันธุ์ไทยที่เป็นลูกผสม  ที่จะสามารถให้อุตสาหกรรมไหมไทยมีความเจริญรุดหน้า ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ในอนาคต

 

 

10 กรกฎาคม 2561

ผู้ชม 1331 ครั้ง

Engine by shopup.com