“ผมไม่เคยน้อยใจที่พ่อแม่ทิ้งผมไปครับ ผมอยากตอบแทนท่านโดยการเป็นคนดีของสังคมและได้ช่วยเหลือผู้อื่นในสังคมครับ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าผมมีโอกาสเจอหน้าพ่อแม่ ผมอยากกราบเท้าท่าน และบอกท่านว่าขอบพระคุณที่ให้ชีวิตผมได้มาเกิดในชาตินี้ถึงแม้ชาตินี้เราจะไม่ได้เจอหน้ากันก็ตามครับ ผมสัญญากับตัวเองไว้ว่าผมจะเป็นเด็กดีครับ” น้องนนท์ นายจตุพล เนติธรรมรัตน์ หนุ่มน้อยวัย 22 ปี เด็กกำพร้าหัวใจแกร่ง ไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ โดยนำฝากเลี้ยงไว้ที่วัด สู้ชีวิตพากเพียรเรียนเพื่ออนาคตในวันข้างหน้า
นนท์ เล่าว่า ตั้งแต่จำความได้วัด คือ บ้าน มีหลวงพ่อไพฑูรย์ เขมวีโร เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง (อดีตเจ้าอาวาส) เป็นผู้ดูแลตนเอง “ท่านเหมือนพ่อของผม ท่านรับเลี้ยงผม ผมใช้นามสกุลของท่าน” ชีวิตในวัดสระแก้วนั้นเป็นการใช้ชีวิตที่มีความสุขมาก ตนเองรู้สึกอบอุ่นและไม่รู้สึกอ้างว้าง เนื่องจากมีหลวงพ่อและเพื่อนๆ ที่อาศัยอยู่ในวัดเหมือนตนเอง มีโอกาสเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดสระแก้ว จนสำเร็จชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ระหว่างที่เรียนโดนแกล้งโดนล่อตามปกติของเด็ก แต่มันก็ทำให้ตนเองได้แข็งแกร่งทำอะไรหลายอย่างได้ด้วยตัวเองทั้งการเรียนและการใช้ชีวิต “ผมคิดจะถามหลวงพ่อ พ่อแม่ของผมเป็นใคร อยู่ที่ไหน” ด้วยหลวงพ่อเป็นท่านเดียวที่เคยเห็นพ่อแม่ของตนเอง แต่ไม่ทันจะถามหลวงพ่อได้มรณภาพก่อน ซึ่งตอนนั้นตนเองเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 5 จึงได้อยู่ในการดูแลของ ดร.พระมหาไพเราะ ฐีตสีโล เจ้าอาวาสวัดสะแก้วรูปปัจจุบัน
หลังจากเรียนจบ ป.6 ตนเองจึงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนบางเสด็จวิทยาคม ต้องขอบคุณอาจารย์ รัชริน พุ่มพวง ที่ท่านพาตนเองไปสมัครเรียน เนื่องจากช่วงที่สมัครเรียนช่วงแรก ต้องมีผู้ปกครองไปสมัครเรียนด้วย แต่ตนเองไม่มีพ่อแม่ไม่มีผู้ปกครอง อาจารย์ได้พาตนเองไปสมัครเรียน จึงทำให้ตนเองมีโอกาสได้เรียนเหมือนคนอื่น “ผมดีใจมากครับที่ได้เรียน” ระหว่างที่เรียน ตั้งใจเรียน และทำกิจกรรมไปด้วย ซึ่งตนเองได้รับได้คัดเลือกเป็นสภานักเรียนโรงเรียน ทำงานในส่วนของการดูแลความเรียบร้อยภายในโรงเรียน การทำงานสภานักเรียนฝึกตนเองให้มีความรับผิดชอบในหน้าที่ และทำงานพิเศษเก็บเงินโดยทำงานเป็นเด็กเสริฟโต๊ะจีน เพื่อหาเงินมาใช้ในการทำรายงานกลุ่มตอนเรียน และเก็บเงินไว้ใช้ในยามที่จำเป็น
“ผมคิดว่าการเรียนหนังสือเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ความรู้และสามารถคิดว่าอะไรผิดอะไรถูก” ตนเองจึงอยากเรียนสูงๆ อยากเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ขอบคุณทางโรงเรียนบางเสด็จวิทยาคม ที่มอบทุนการศึกษาให้ตนเองได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ตนเองจึงสอบเข้าที่ สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เพราะว่า อยากเก่งในเรื่องของการทำสื่อการเรียนการสอนเพื่อการศึกษา เพื่อที่จะสอนให้เด็กสมัยนี้เกิดความรู้และความสุขกับการเรียน ในอนาคตตนเองอยากให้ประเทศชาติได้สร้างคนดีเกิดขึ้นในสังคม
เมื่อเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัย ตนเองได้ออกจากวัดสะแก้ว โดยตนเองเช่าบ้านเป็นหลังอยู่กับเพื่อนที่มาจากโรงเรียนมัธยม 4 คน ค่าบ้าน 5,500 บาทครับ ช่วยกันหารประมาณคนละ1,375 บาท และส่วนมากมีอะไรก็ช่วยเหลือกันอยู่แล้วครับ ชีวิตของตนเองต้องปรับตัวหลายๆ อย่าง ทั้งด้านการเข้าสังคมเพราะ ตนเองต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ต้องหาเงินเรียนเพื่อนำมาใช้จ่าย หลังเลิกเรียนเวลาส่วนใหญ่จึงเป็นเวลางาน โดยทำงานพิเศษหลังที่ร้านกาแฟแถวมหาวิทยาลัย เวลา 17.00-23.00 น. วันละ 6 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 40 บาท ประมาณวันละ 240 บาท ค่าใช้จ่ายรายวันผมใช้วันละ 100 บาทครับ โดยตนเองได้รับทุนจากมูลนิธิพุทธรักษา เพื่อนำมาใช้ในค่าครองชีพปีละ 9,000 บาท และรายเดือนละ 3,000 บาท จนกว่าจะสำเร็จปริญญาตรี ตนเองจึงต้องบริหารเงินเอง ทำงานพิเศษเพื่อหาเงินมาใช้และจ่ายค่าเทอม
ปัจจุบันตนเองอายุ 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 เกรดเฉลี่ยสะสมอยู่ที่ 2.4 แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตคือตัวเราเอง เวลาที่ท้อแท้หรือมีอะไร ยังมีคนที่ลำบากกว่าอีกตั้งเยอะ มีร่างกายครบ 32 ประการ ควรทำตัวเองให้เหมาะสมกับการที่ได้เกิดมา “ไม่สูงให้เขย่งไม่เก่งให้ขยัน” ปัจจุบันพักอาศัยอยู่กับเพื่อนที่เคยเรียนสมัยมัธยมครับ ครับและสามารถดูแลตัวเองได้ดูแลครอบครัวได้ ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนครับและสามารถช่วยเหลือคนอื่นที่แย่กว่าเราได้ครับ บางครั้งเมื่อรู้สึกท้อและเหนื่อยจากทำงาน เคยแอบคิดว่าทำไมเราเกิดมาไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาไม่เคยมีคำว่าครอบครัวเหมือนคนอื่นเขา เคยนั่งแอบร้องไห้คนเดียว อารมณ์แบบนี้จะเกิดช่วงวันพ่อวันแม่ แต่ผมก็สู้มาโดยตลอดถึงแม้เราจะไม่มีโอกาสเจอหน้าพ่อแม่ก็ตาม แต่ผมจะคิดเสมอโชคดีที่มีหลวงพ่ออาจารย์ที่คอยสั่งสอนอบรมบ่มนิสัยมาโดยตลอด
การใช้ชีวิตในวัดตั้งแต่เกิด การใช้ชีวิตลำพังคนเดียวไม่มีพ่อแม่มันอาจจะเป็นปมในชีวิต แต่ก็เกิดมาแล้ว ไม่สามารถเลือกที่จะเกิดเป็นเหมือนคนอื่นได้ ต้องเข้าใจว่าชีวิตเกิดมานั้นไม่เท่ากันเสมอ “ผมมีความสุขกับการได้อยู่กับเพื่อนๆ ใช้ชีวิตเพื่อนๆ ในวัดสระแก้วมันเป็นสิ่งที่ดีแล้วครับ” ซึ่งถ้าตอนนั้นพ่อแม่ของไม่ได้เอามาฝากไว้กับหลวงพ่อเจ้าอาวาส ตนเองอาจเป็นเด็กเร่ร่อนขอทานไม่ได้เรียนเหมือนทุกวันนี้ สำหรับใครที่ท้อแท้ในชีวิต “คนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำเลือกที่ลงมือปฏิบัติได้ครับ คนเราเกิดมาไม่เท่ากันไม่เสมอกัน บางคนมีพร้อมทุกอย่าง บางคนไม่มีอะไรเลย บางคนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยกับหลายสิ่งหลายอย่าง แต่สิ่งที่เดียวที่อยากจะฝากไว้นะครับ คืออยากให้เป็นคนดีในสังคมครับ ใช้ชีวิตประหยัด พอเพียง และไม่ทำให้ผู้อื่นในสังคมเดือดร้อน”
05 กุมภาพันธ์ 2562
ผู้ชม 659 ครั้ง