นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.รง. ติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานอย่างใกล้ชิด โดยได้รับทราบรายงานสถานการณ์กำลังแรงงานของไทย ณ สิ้นเดือน ม.ค.2567 ว่า จำนวนผู้มีงานทำของไทยอยู่ที่ 39.13 ล้านคน จากจำนวนประชากรวัยแรงงานที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปทั้งหมด 58.18 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 66.52 หรือกล่าวอย่างง่ายว่าประชากรวัยทำงาน 100 คน จะมีผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 67 คน แบ่งเป็น ผู้มีงานทำภาคเกษตร 10.38 ล้านคน และผู้มีงานทำนอกภาคเกษตร 28.75 ล้านคน โดยอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานขยายตัวสูงสุด 3 อันดับแรก เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2566 ได้แก่ การทำเหมืองแร่ และเหมืองหิน ร้อยละ 128.45 ไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำ และระบบปรับอากาศ ร้อยละ 28.44 และศิลปะ ความบันเทิง และนันทนาการ ร้อยละ 24.95
สำหรับจำนวนผู้ว่างงาน ณ สิ้นเดือน ม.ค.2567 มีประมาณ 4.32 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.09 ซึ่งถือเป็นอัตราที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบกับหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่นมีอัตราการว่างงาน ร้อยละ 2.37 เกาหลีใต้ ร้อยละ 3.02 และสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 3.66 โดยในปี 2566 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม รมว.รง.ย้ำว่าจะต้องไม่ทอดทิ้งคนกลุ่มนี้ แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก โดยได้กำชับให้ 5 เสือแรงงานทุกจังหวัดทั่วประเทศลงไปติดตามปัญหาอย่างทั่วถึง
“ท่าน รมว.พิพัฒน์ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีงานทำตามนโยบายทักษะดี มีงานทํา หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยต้องการยกระดับให้กระทรวงแรงงานเป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจที่จะมีบทบาทสำคัญของประเทศ และสนองต่อนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ใช้แรงงาน เช่น การปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เป็นต้น”
05 เมษายน 2567
ผู้ชม 97 ครั้ง