นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 นี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า “หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นทักษะทันสมัย คนไทยมีงานทำ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เศรษฐกิจแรงงานไทยมั่นคง” เพื่อดูแลผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบมากกว่า 40 ล้านคน โดยเรื่องที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือการยกระดับทักษะฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ซึ่งกระทรวงแรงงานจะ Re-skill และ Up-skill แรงงานไทย ในด้านดิจิทัล AI ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ EV โลจิสติกส์ BCG และ SDGs เน้นพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค และแรงงานชั้นสูงในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และจะไม่ทอดทิ้งผู้ประกอบการ SMEs แรงงานอิสระ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และช่วยให้นักเรียนนักศึกษามีรายได้ระหว่างเรียน
นอกจากนี้ จะขับเคลื่อน Soft Power โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ โดยจะพัฒนาทักษะฝีมือบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและบริการที่กำลังขาดแคลน เช่น พนักงานต้อนรับ พนักงานเสิร์ฟ เชฟ ผู้ช่วยเชฟ พนักงานบัญชี แม่บ้าน สร้างและส่งออกแรงงานไทยไปต่างประเทศ เช่น ผู้ประกอบการด้านอาหาร แพทย์แผนไทย และผู้ฝึกสอนมวยไทย ดึงดูดให้ผู้ฝึกสอนมวยไทยจากทั่วโลกเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน สาขาผู้ฝึกสอนมวยไทยผ่านศูนย์ทดสอบของไทย จัดทำคูปองพัฒนาฝีมือแรงงาน และเพิ่มสัดส่วนการใช้ e-learning เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานให้มากขึ้น รวมทั้งขยายผลธนาคารหน่วยกิต หรือ Credit bank โดยจัดทำมาตรฐานการเทียบโอนหน่วยกิตให้ครอบคลุมทักษะและความรู้ที่หลากหลายมากขึ้น
“ตัวอย่างของเรื่องที่จะดำเนินการให้สำเร็จภายใน 3 เดือนแรกนี้ คือการพัฒนาทักษะด้านการผลิตจนถึงการตลาดแบบครบวงจรให้กับกลุ่มอาชีพอิสระ นำร่องจังหวัดละ 1 กลุ่ม ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานระยะที่ 2 ของโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งกลุ่มอาชีพอิสระ และจะพัฒนาให้ครบ 400 กลุ่มทั่วประเทศ ภายในวันที่ 31 มี.ค. 68 รวมทั้งจะเร่งรัดกฎหมายส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจะครอบคลุมการดูแลอาชีพไรเดอร์ และปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันสังคม เพื่อดึงดูดแรงงานอิสระเข้าสู่การเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เช่น กรณีทุพพลภาพ สงเคราะห์บุตร และขาดรายได้ ลดอัตราเงินสมทบ 10% สำหรับผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบงวด ล่วงหน้า 12 งวดเดือน เป็นระยะเวลา 5 ปี เป็นต้น” นายภูมิพัฒน์ กล่าว
01 ตุลาคม 2567
ผู้ชม 51 ครั้ง